วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บทที่ 6 ไล่ความกลัวออกไปวันนี้

ไล่ความกลัวออกไปวันนี้

สำคัญมากๆขอบอกตั้งแต่พวกเราเป็นเด็กจนถึงปัจจุบันเราเคยได้ยินกันมาไม่รู้กี่ร้อยครั้งแล้วว่า ทําอะไรอย่าผลัดวัน ประกันพรุ่ง มันดูเหมือนเป็นสิ่งง่ายๆ แต่ว่าเราก็ไม่ค่อยจะได้ทําตามกันสักเท่าไร เรายังคงทําทุกอย่างเมื่อเราอยากจะทํา ถ้าไม่อยากทําเราก็บอกตัวเองว่า เอาไว้วันหลังก็ได้ ลองมานั่งคิดดูกันว่าทําไมเค้าต้องสอนเราว่าอย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ทําไม ทําไม ทําไม ทําไม ทําไม ทําไม? เพราะชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน!!! และด้วยความไม่แน่นอนนี่เองที่มันทําให้ผมคิดได้ถึงความเป็นจริงของชีวิต ที่พวกเรามักจะมองข้ามไป เป็นสัจธรรมของชีวิต

เราทุกคนไม่ได้เป็นอมตะ สักวันนึงเราทุกคนก็ต้องตาย ทุกคน!!!

พวกเราหลายๆคนก็ยังอยู่ในช่วงที่เป็นวัยรุ่นอยู่ บางคนอาจจะอายุ 19 บางคนอาจจะ20 21 เคยรู้สึกเหมือนผมมั้ยครับว่าช่วงเวลาเหล่านี้จะอยู่กับเราตลอดไป ไม่มีที่สิ้นสุด เคยรู้สึกกันมั้ยครับ? แต่เชื่อผมเถอะว่าช่วงเวลาเหล่านี้มันจะจากพวกเราไปสักวันนึง และมันก็จะไม่หวนคืนมาอีก เชื่อผมเถอะ!!! อีกไม่นานหรอก คุณและผมก็จะแก่ตัวลงไปและก็จะไม่สามารถทําอะไรได้อย่างที่ต้องการเหมือนช่วงที่เป็นวัยรุ่นนี้อีก เวลาที่คุณอายุ 40 คุณอาจจะยังมีเวลาหลงเหลืออยู่ในชีวิต แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว บางสิ่งมันเปลี่ยนไป คุณรู้แล้วว่าช่วงเวลาวัยรุ่นไม่อาจหวนคืนกลับมาอีก

คุณรู้มั้ยครั้บว่าทางเดินชีวิตของพวกเรามักจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เราเป็นวัยรุ่นนี่แหละ เราจะเดินไปทางไหน จะดีหรือไม่มันขึ้นอยู่กับช่วงเวลานี้ สิ่งที่คุณทําวันนี้จะเป็นตัวกําหนดอนาคตของคุณการตัดสินใจในสิ่งต่างๆ ของคุณในวันนี้มันจะตามไปหลอกหลอนคุณในวันข้างหน้า ทําให้คุณรู้สึกเสียใจในสิ่งที่คุณไม่ได้ทํา หรือไม่ก็มันจะทําให้คุณรู้สึกภาคภูมิใจเพราะคุณได้ทําในสิ่งที่สมควรจะทํา คุณได้ทําในสิ่งที่เหมาะสม

คุณลองถามตัวเองดูสิว่า ถ้าเกิดคุณต้องตายไปในตอนนี้ ในวินาทีนี้ คุณยังต้องเสียใจอะไรอีกหรือไม่? คุณยังมีสิ่งที่ติดค้างอะไรในชีวิตนี้หรือไม่? คุณได้ทําในสิ่งที่คุณสมควรทําหรือเปล่า? คุณมีความสุขกับชีวิตที่ผ่านมาหรือเปล่า?

ลองจินตนาการกันดูเลยดีกว่า ให้คุณคิดจริงๆเลยว่า มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้อยู่ดีๆ มันเอาปืนมาจ่อหัวคุณ ในตอนนี้ วินาทีนี้ แล้วมันก็ถามคุณว่า "ก่อนตาย ขอถามสักคําว่า แกมีความสุขกับขีวิตแกหรือเปล่า? แกมีความสุขกับสิ่งที่แกทํามั้ย?" คุณจะตอบว่าอะไรครับ ใช่ หรือ ไม่ใช่

พวกเราอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ไมีใครรู้ พรุ่งนี้เราอาจจะถูกรถชนตอนที่เราเดินข้ามถนน หรือเราอาจจะเกิดป่วยเป็นโรคร้ายแรงกระทันหันก็ได้ พวกเราไม่สามารถควบคุมความตายได้ มันจะมาเมื่อไหร่ เวลาไหน ที่ไหน เราควบคุมไม่ได้เราอาจจะเป็นคนที่อายุยืนถึง 90 ปี แต่เราก็อาจจะโชคร้ายเหมือนกับอีกหลายๆคน ที่ตายตั้งแต่อายุยังน้อย ชีวิตมันไม่แน่นอน

ผมมีเพื่อนรุ่นพี่อยู่คนนึง แกอายุจะ 40 แล้ว ผมนับถือแกมากเพราะแกคอยให้คําปรึกษากับผมในหลายๆเรื่อง รวมถึงเรื่องผู้หญิงด้วย แกเคยเล่าประวัติชีวิตให้ผมฟังว่า เมื่อตอนช่วงแกยังวัยรุ่นนั้น แกเป็นคนที่ขี้อายมากๆ เป็นคนที่ไม่กล้าที่จะเข้าไปจีบสาวๆเลย ถึงแม้ว่าแกจะมีเพื่อนที่เป็นผู้หญิงอยู่บ้างแต่ก็ไม่เคยจีบใครสักคน

เวลาที่แกไปเจอสาวๆตามที่ต่างๆ แกไม่กล้าแม้แต่ที่จะสบตา หรือถ้ารวบรวมความกล้ามองเธอได้ เวลาเธอหันมาแกก็ต้องหลบตาพวกเธอทุกครั้งไป แกบอกผมว่าตลอดชีวิตวัยรุ่นของแก แกเจอสาวสวยตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยมีความกล้าเข้าไปคุยกับสาวๆ เหล่านั้นเลยสักครั้งไม่เคยกล้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว แกพลาดโอกาสทองมาโดยตลอด!!!

แกคิดว่าแกคงไม่สามารถจีบพวกเธอได้ แกคิดอยู่เสมอว่าสถาณการณ์มันไม่เป็นใจในการจีบสาว และแกก็เรียนจบมาทํางาน แกเป็นคนมีรายได้ดี มีรถ มีบ้าน เป็นคนที่ประสบความสําเร็จ และก้อเพิ่งแต่งงานไปได้ไม่กี่ปี แกบอกผมว่า ถึงแม้แกจะรู้สึกว่าแกมีความสุขกับชีวืตที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่แกก็เสียดายที่ใช้ชีวิตไม่คุ้ม แกปล่อยให้ชีวิตวัยรุ่นแกผ่านไปอย่างปล่าวเปลี่ยว เดียวดาย แกไม่เคยมีแฟนเลยในช่วงวัยรุ่น แกบอกว่าถ้าเอาเวลาช่วงนั้นกลับมาได้ก็คงดี และก็บอกผมว่าอย่าทําเหมือนที่แกเคยทํา ใช้ชีวิตให้คุ้ม อยากทําอะไรก็ทํา ตราบใดที่มันไม่ได้ทําให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่อย่างนั้นจะต้องมานั่งเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทํา

ผมจะเล่าอีกเรืองนึงให้คุณฟัง ผมมีเพื่อนอยู่คนนึง เป็น AFC มันชอบมาถามผมเสมอๆ ทําไมมีสาวๆมาชอบผมเยอะ ถามว่ามันควรจะทํายังไงในการจีบสาว ผมก็บอกมันไป แต่รู้อะไรมั้ยครับ มันไม่เคยเอาไปปฎิบัติเลย เวลามันไปเที่ยวกับผม มันเจอสาวที่ชอบ มันก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นแหละ มันหวังที่จะให้ผู้หญิงมาสนใจมันก่อน มันถึงจะกล้าเข้าไปคุย และนั่นก้อเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย หลังจากนั้นมันก็ชอบที่จะมาบ่นให้ผมฟังว่า
ทําไมมันจีบสาวไม่ได้ ทําไมมันไม่มีแฟนซะที มันชอบคิดว่ามันไม่หล่อพอ มันคงเป็นโรคไม่ถูกกับผู้หญิงมั้ง ผมบอกกับมันไปว่า

"เฮ้ย มึงรู้มั้ย ปัญหาจริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่มึงหล่อหรือไม่หล่อ หรอกว่ะ"
"จริงเหรอวะ แต่กูว่ามันน่าจะใช่นะ" มันชอบตอบอย่างนี้

"แล้วมึงเห็นว่ากูเป็น เจ มณฑลหรือไง มึงเห็นว่ากูหล่อนักหนาเหรอไงวะ"
"มึงก็ธรรมดาว่ะ แต่มึงจีบสาวเก่งนี่ มึงถูกกับผู้หญิง กูมันเป็นโรคไม่ถูกกับผู้หญิง"

"ไอ้โรคถูกกับผู้หญิงหรือเปล่านั่นก็ไม่เกี่ยวเลย" ผมบอก
"แล้วอาไรว่ะ"

"ที่มึงจีบสาวไม่ติด ที่มึงไม่มีแฟนเพราะว่า มึงไม่เข้าไปคุยกับผู้หญิง!!!!! มึงเอาแต่มอง มอง มอง แล้วก็มอง มึงกลัวเค้าจะปฎิเสธมึง มึงเลยหวังที่จะให้เค้าเข้ามาคุยกับมึงก่อน กูจาบอกอาไรให้ การที่ผู้หญิงมาคุยจีบผู้ชายก่อนมันเหมือนกับดาวหางฮัลเลย์ มันจะมาประมาณ 75 ปีครั้ง!!!!"
จะรอมั้ยล่ะ

ใช่ การถูกปฎิเสธ มันสามารถทําให้เราเจ็บปวดได้ มันทําให้เรามองตัวเองว่าด้อยค่า ไม่มีความหมาย มันแย่ครับ มันทําให้เราสงสัยในตัวเราเอง และมันจะเจ็บมากที่สุดในครั้งแรกที่คุณถูกปฎิเสธ คุณอาจจะเจ็บปวดมากถึงขั้นร้องไห้ออกมา กินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่รู้มั้ยครับ ครั้งต่อๆไปมันจะเจ็บน้อยลง น้อยลง น้อยลง น้อยลง จนกระทั่งวันนึงคุณจะรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกเลยว่า

"กูไม่จําเป็นต้องเจ็บนี่หว่า"

ผมอยากให้คุณลองใช้จินตนาการดู ลองนึกภาพว่าคุณกําลังอยู่ที่ผับแห่งหนึ่ง คุณกําลังสนุกสนานอยู่กับเพื่อนๆ รอบๆตัวคุณนั้นก็มีคนเยอะแยะเต็มไปหมด เสียงเพลงที่เปิดอยู่นั้นก็ดังมาก คุณถือแก้วเหล้าอยู่ในมือและยกขึ้นมาจิบนิดนึง อยู่ดีๆ สายตาคุณก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งถัดจากโต๊ะคุณไปประมาณ 5 เมตร หน้าตาเธอน่ารักมาก ตรงสเปคคุณที่สุดผมยาวสลวย ผิวขาวเนียน โอ้! เธอลุกขึ้นเต้นพร้อมกับเพื่อนของเธอ หุ่นเธอช่างบาดตาบาดใจดีเหลือเกิน หน้าอกขนาดพอดีๆ เอวบางรับกับสะโพกที่ได้สัดส่วนอย่างลงตัว ขาเรียวงาม และท่าเต้นส่ายสะโพกที่ทรมาณใจชายเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างช่างโดนใจคุณจริงๆ เธอหยิบแก้วในมือขึ้นมาจิบ เธอเริ่มยิ้มและหัวเราะกับเพื่อนเธอ ช่างเป็นรอยยิ้มที่สดใสอะไรเช่นนี้! สักพักเพื่อนๆของเธอลุกออกไป เข้าห้องนํ้า เธออยู่คนเดียวและห่างจากคุณ 5 เมตร 5เมตร!!! ลองจินตนาการดูสิครับ!!!

เอาล่ะ ผมต้องการให้คุณเข้าไปคุยกับเธอ ใช่แล้ว เข้าไปคุยกับเธอ!!! เดี๋ยวนี้!!! ทําสิ่งที่สมควรทํา!!! คุณเดินตรงเข้าไปหาเธออย่างไม่มีการลังเล เธอสบตาคุณ คุณยิ้มให้ เธอไม่คาดฝัน! แปลกใจและรีบหันไป มองทางอื่น คุณพูด "สวัสดีครับ" เยี่ยมมาก!!! คุณขจัดตัวถ่วงคุณออกไปได้แล้ว
ความกลัว ใครจะไปสนว่าเธอจะชอบคุณหรือเปล่า คุณทําสําเร็จ คุณขจัดความกลัวออกไปแล้ว!!! คุณได้ชนะสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คุณเอาชนะมันได้แล้ว!!!

เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ผมเคยกลัวการเข้าไปคุยกับสาวๆมากครับ โคตรๆๆๆๆๆกลัว เวลาเห็นสาวสวยเดินผ่านมา แล้วไอ้ตัวความกลัวนี่มันก็จะเริ่มคุยกับผมทันที คิดว่ามันก็คงเคยพูดกับคุณเหมือนกัน

"อ๊ะ อ๊ะ มึงชอบเธอใช่มั้ยล่ะ? อยากเข้าไปคุยกับเธอล่ะสิ แต่กูขอเตือนมึงว่าอย่าดีกว่า เพราะเธอไม่มีทางชอบคนอย่างมึงหรอกโว้ยยยย!!! ดูสารรูปตัวเองซะก่อน หล่อก็ไม่หล่อ รวยก็ไม่รวย อย่าหวังเลย คนอย่างมึงไม่มีทางจีบสาวสวยติดหรอก เพราะมึงไม่มีอะไรดีไง มึงก็เป็นได้แค่คนธรรมดาๆที่ไม่มีใครต้องการ มึงก็จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอดกาล

ไม่กล้าเข้าไปขอเบอร์ละซิ ไอ้ขี้ขลาด!!! สมนําหน้า สะใจโว้ยยยย กูทําให้มึงกลัวหัวหดเลย 555 ผู้หญิงสวยๆไม่เอาคนอย่างมึงเพราะมึงขี้ขลาดไง และมึงก็จะต้องทนอยู่กับกูไปตลอดกาล มึงก็จะต้องตกอยู่ใต้อํานาจกูไปตลอดชีวิต ไอ้ขี้ขลาด 5555555"

หุบปากเดี๋ยวนี้!!! ไอ้ความกลัว ไสหัวไปเลย มึงควบคุมกูไม่ได้หรอก เพราะว่ากูจะทําสิ่งที่มึงไม่คาดฝัน กูจะเข้าไปคุยกับเธอ!!! แค่นั้นแหละสิ่งที่คุณต้องทํา ไล่มันออกไป อย่าให้ไอ้ความกลัวมันชนะคุณ! อย่า! ลองคิดดูสิถ้าคุณไม่มีความกลัว คุณสามารถที่จะทําอะไรก็ได้ตามที่ใจคุณต้องการ คุณเห็นสาวสวยที่คุณต้องการ คุณก็สามารถเข้าไปคุยได้อย่างไม่มีปัญหา คุณจะทําได้อย่างดีด้วย คุณคือคนที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง คุณได้รับการปลดปล่อยอิสรภาพและคุณก็จะประสบความสําเร็จอย่างแน่นอน ความกลัวมันยับยั้งไม่ให้คุณได้ในสิ่งที่คุณสมควรได้ คุณต้องหันหน้าสู้กับมัน ถ้าคุณไม่สู้มันวันนี้ คุณก็ต้องสู้กับมันวันข้างหน้าอยู่ดี

เอาล่ะ ผมมีปัญหาอยู่ข้อนึงให้คุณได้คิดกัน สมมุติว่าคุณเดินอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญคุณโชคร้าย ไปเหยียบเศษแก้วที่อยู่บนพื้น คุณร้องดังลั่น โอ้ยยย!!! และมองดูที่เท้าตัวเอง ปรากฎว่า เลือดไหลนอง เศษแก้วนั้นก็บาดลึกเข้าไปในเท้าคุณ คุณรู้ว่าคุณต้องเอาเศษแก้วนั้นออก แต่คุณจะเอาออกด้วยวิธีไหน

วิธีแรก คุณค่อยๆ ดึงเศษแก้วออกมาอย่างเบาๆ ช้าๆ เพราะคุณกลัวว่าจะเจ็บ แต่ว่ามันบาดลึกมาก ทุกๆครั้งที่คุณค่อยๆ ดึงมันออกมา มันก็ยังเจ็บจนนําตาร่วงอยู่ดี

วิธีที่สอง ด้วยความที่คุณกลัวว่าถ้าดึงออกแล้วจะเจ็บปวดมาก คุณไม่อยากจะดึงเศษแก้วออกมาเลย คุณเลยปล่อยมันไว้ แล้วรอให้มีเทวดามาเสกมันออกจากเท้าโดยที่คุณไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียว( ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้! )

วิธีที่สาม หรือว่าคุณจะกลั้นใจดึงมันออกมาภายในครั้งเดียว เลือดอาจจะไหลนอง แต่มันจะเจ็บแค่วินาทีเดียว
แล้วความเจ็บจะหายไป หลังจากนั้นคุณก็รีบทําแผลใส่ยา

คุณจะเลือกข้อไหนครับ?

ถ้าคุณเลือกข้อสองคุณคือ AFC เต็มตัว คุณหนีปัญหาที่ยังไงคุณก็ต้องแก้มันสักวันนึง คุณหนีมันไม่พ้น ถ้าเป็นผม ผมขอเลือกข้อสามให้มันเจ็บเพียงแปปเดียวแล้วหายไปเลยดีกว่า

สิ่งสุดท้ายในบทนี้ที่ผมอยากจะบอกก็คืออย่ารอที่จะไล่ความกลัวออกไป อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ทํามันวันนี้! เดี๋ยวนี้! ชีวิตเราไม่ได้เป็นอมตะ และไม่ได้ยาวนานอย่างที่หลายๆคนคิดหรอกครับ

ชีวิตคนเราโดยเฉลี่ยอย่างมากก็ประมาณ 70 ปี คุณด้วย 365 ได้ 25,550 นั่นหมายความว่าเวลาของคุณ เหลืออย่างมากสุดไม่น่าเกิน 25,550 วัน สมมุติคุณอายุ 20 ปีและอยากจะจีบสาวสวยให้ได้ก่อนคุณอายุ 30 คุณมีเวลาเหลือประมาณ 10 ปี นั่นคือประมาณ 3,650 วัน ถ้าคุณอายุ 20 นะครับ คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่า คุณอยู่บนโลกใบนี้มา 7,300 วันแล้ว!!! หรือว่ายังจําตอนฉลองปีใหม่ตอนขึ้นปี 2000 ปี Millennium ได้มั้ยครับ ดูเหมือนมันเพิ่งผ่านมาไม่นานนี่เองใช่มั้ย? คุณรู้มั้ยครับว่าเหตุการณ์นั้นมันผ่านมากว่า 1,000 วันแล้ว!!! แล้วคุณมีเวลาประมาณแค่ 3,000 วันที่จะเอาความกลัวออกไป น่าเป็นห่วงมั้ยล่ะครับ เวลามีเหลือไม่มากเท่าไหร่

ปล่อยความกลัวมันออกไปครับ!!! ปล่อยมันออกไป!!! ไร้ความกลัว ไร้ความกังวล ไร้ความกลัว ไร้อุปสรรค คุณจะเป็นอิสระและคุณจะมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น