วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บทที่ 35 การเข้าไปคุยตามสถานการณ์


การเข้าไปคุยตามสถานการณ์

มีคนสงสัยหลายคนว่าเราจะเริ่มที่จะเข้าไปพูดกับสาวๆที่เราชอบยังไง วิธีนึงที่ดีก็คือการเข้าไปคุยตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนั้น ไม่ต้องแนะนําตัวเอง ไม่ต้องคิดคําเท่ๆ คําหวาน แค่พูดบางอย่างให้เข้ากับสถานการณ์ในตอนนั้น นี่เป็นบางตัวอย่าง คุณกับเธอกําลังเข้าแถวรอจ่ายเงินที่ร้านหนังสือของมหาลัย คุณเห็นเธอถือหนังสือวิชานึง อยู่ เธอกับคุณสบตากันแปปนึง คุณก็พูด "อื้มม ผมลงวิชานี้เมื่อเทอมที่แล้ว เป็นวิชา ที่สนุกมาก ผมยังคิดที่จะกลับไปอ่านอีกเลยครับ" ด้วยนํ้าเสียงประชดและยิ้ม อย่างมั่นใจ

สังเกตุปฏิกริยาของเธอ ถ้าเธอตอบสนองดี คุณก็เริ่มคุยอย่างอื่นได้สบาย

-เจอสาวสวยในร้าน cd เพลง คุณเห็นเธอกําลังเลือก cd อยู่ เธอหันมาสบตาคุณอีกแล้ว คุณพูด "แผ่นที่คุณกําลังดูอยู่เพราะครับ
ผมซื้อไปฟังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็ ok เลยนะ"ด้วยนํ้าเสียงที่จริงใจ หร้อมกับยิ้ม

สังเกตุปฎิกิริยาของเธอ  คุณแค่ต้องพูดบางสิ่งให้เข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ มองตาเธอ พูดด้วยความมั่นใจ
พร้อมรอยยิ้ม พูดให้เหมือนกับคุณรู้จักเธอมานานแล้ว


Trance word

Trance word เมื่อคุณกําลังคุยกับสาวอยู่นั้น ถ้าคุณสังเกตดีๆ คุณจะรู้ได้ว่า มันจะมีคําบางคําที่สําคัญกับเธอ เป็นคําที่เธอใช้พูดซํ้าแล้วซํ้าอีก คุณก็รู้ได้ เลยว่าคําพวกนี้มีคุณค่ากับเธอแน่นอน เราเรียกคําเหล่านี้ว่า Trance word ในการพูดคุยนั้นคุณควรที่จะใช้คําเหล่านี้ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะมันจะทําให้ จิตใต้สํานึกเธอรู้สึกได้ว่ามันก็เป็นคําที่สําคัญสําหรับคุณด้วยเช่นกัน ฉะนั้นการที่เราพูดคําเหล่านี้กลับไป ที่เธอ เธอจะคิดว่าคุณเข้าใจเธอและมีอะไรที่สัมพันธ์ (connection)กับเธออยู่

ตัวอย่าง

ผม- อี๊ฟคิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่สําคัญที่สุดในชีวิตคู่
อี๊ฟ- อืมมม อี๊ฟว่าน่าจะเป็นความซื่อสัตย์ต่อกันและไว้ใจกันนะ ถ้าไม่เชื่อใจและซื่อสัตย์ ต่อกันเนี่ย ก็คงมาอยู่ด้วยกันไม่ได้
(Trance word= ซื่อสัตย์ ไว้ใจ)
ผม- ใช่ๆ พี่เข้าใจที่อี๊ฟพูดนะ คนสองคนต้องซื่อสัตย์และไว้ใจซึ่งกันและกันก่อน เพราะถ้าไม่มีการเชื่อใจ ซื่อสัตย์ต่อกันเนี่ย ความสัมพันธ์ก็คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
อี๊ฟ- พี่คิดคล้ายๆ อี๊ฟเลยเนอะ

สังเกตไหมครับว่าผมแค่พูดในสิ่งที่เธอพูดออกมาแค่นั้นเอง เธอรู้สึกว่าผมมี ความเชื่อที่คล้ายกับเธอ (ก็แหงล่ะ! เธอเพิ่งบอกมาเองว่ามันคืออะไร) เธอรู้สึก ว่าเรามีความสัมพันธ์กันบางอย่าง

บทที่ 34 พัฒนาการคุย เทคนิคการคุย



พัฒนาการคุย เทคนิคการคุย

การเป็นนักคุยที่ดี

1. คุณต้องมีความรู้สึกอยากจะค้นหาตัวตนของคนที่คุยอยู่ด้วยจริงๆ สมองของ เราคิดเรื่องต่างๆได้มากมาย ทําไมคุณจะหาเรื่องที่คุยไม่ได้ ลองทําใจให้สบาย แล้ว คิดเรื่องที่จะคุย

2.เป็นนักฟังที่ดี คุณตั้งใจฟังสิ่งที่เธอเล่า คุณจับประเด็นคําถามใหม่จากประโยค ที่เธอพูดออกมา แล้วถามเธอต่อ คุณนํา เธอตาม

3. ถามคําถามที่ไม่สามารถ ตอบได้ด้วยคําว่า "ใช่" หรือ "ไม่" อย่างเดียวได้ เช่นเฟิร์นรู้สึกยังไงที่ได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆ คําถามที่เกี่ยวกับความรู้สึกจะใช้ได้ดี จะทําให้เธอเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ให้เธอเปิดใจกับเรามากขึ้น

4. ให้เธอเป็นคนที่พูดมากกว่าคุณ เรตติ้งควรจะเป็น เธอพูด70% คุณ30% คุณแค่จับประเด็นที่น่าสนใจแล้ว ฟังเธอเผยความรู้สึกออกมา

5.สนุกกับมัน การคุยนั้นควรจะคุยสิ่งที่สบายๆ ไม่เครียด อย่าคุยเรื่องปัญหาการเรียน หรือปัญหาการทํางานโดยเด็ดขาด

บทที่ 33 เจมส์บอนด์คอมบิเนชั่น (James Bond's combination)



เจมส์บอนด์คอมบิเนชั่น (James Bond's combination)

เคยดูหนังเรื่อง เจมส์ บอนด์ กันมั้ยครับ ต้องเคยดูกันมาบ้างแน่นอน เวลาคุณเห็นเจมส์ บอนด์ครั้งแรกเลย คุณคิดว่าเค้าเป็นคนยังไงครับ.... อืมม แทบจะทุกคนต้องคิดเหมือนกันเลยว่าคนนี้เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองอย่างสูง เป็นคนที่มีพลังอํานาจ เป็นคนที่มีความสุขุม ออกมาฉากแรก ยังไม่ทันที่จะทําอะไร แค่ออกมาพูด สองสามคํา เราก็สามารถรู้ได้แล้ว ทําไมล่ะ!! ทําไมเราทุกคนเห็นเหมือนกันครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับ 3 สิ่งที่ผมจะพูดถึงต่อไปนี้ 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สําคัญมากในการจีบหญิง เพราะคุณรู้มั้ยครับว่า 70% ในการคุยกับหญิง เราไม่ได้สื่อสารทางคําพูด แต่เราสื่อสารด้วย
กาย 3 อย่างนี้ มันจะเป็นตัวบอกลักษณะที่แท้จริงของเราให้คนอื่นได้รู้

1.สีหน้า แววตา (facial expression) - ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม สีหน้า ของเจมส์ บอนด์ แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน สีหน้าเค้าจะบ่งบอกถึงความนิ่งเสมอ เค้าไม่เคยทําหน้าลุกลี้ลุกลน เหมือนไม่แน่ใจ ว่าควรจะทําอะไร สีหน้าเจมส์ บอนด์บ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองอย่างสูง เหมือน เค้าเป็นคนคุมเกมตลอดเวลา ถ้ามีใครพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเค้าแล้วล่ะก้อ เค้าก็ ยิ้มรับอย่างมั่นใจ ไม่เคยทําหน้าโกรธหรือกังวล

note - เวลาอยู่กับสาวๆ สีหน้าและแววตาเค้านิ่งแต่แฝงด้วยรอยยิ้มเอาไว้ นี่เป็นการบอกเธอว่า เค้ามีอํานาจเหนือกว่าเธอ เค้าสามารถควบคุมเธอได้ เวลาเค้าเข้าไปจีบสาวใครเคย เห็นเค้าทําหน้าแบบเลิ่กลั่กมั่งครับ ไม่มีครับ!!!

2. ท่าทาง (body language) - เจมส์ บอนด์นั้น เดินด้วยความมั่นใจ ตัวตรง ทุกๆ ย่างก้าวเป็นไปอย่างมั่นคง เห็นแค่ท่าเดินก็รู้เลยว่านายหมอนี่มันเก่งที่สุดในเรื่อง โดยปกติเค้าไม่ได้เดินอย่างเร่งรีบ ตรงกันข้าม เค้าเดินอย่างช้าๆแต่มีพลัง ทุกการกระทําของเค้าบ่งบอกถึงความสุขุม แน่วแน่ เวลาที่เค้าเจอสาวคนที่เค้าชอบ ลักษณะท่าทางเค้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย สังเกตได้ว่าไม่ว่าจะทําอะไรก็ตาม เดิน ยืน นั่ง หรือ เปลี่ยนอิริยาบทต่างๆ มันดูเหมือนว่าจะช้ากว่าคนทั่วไปนิดนึงเสมอ (นิดเดียว ไม่มาก) มันทําให้ดูเหมือนว่าเค้ามีความมั่นใจ มีพลังและอํานาจ

3.นํ้าเสียง (tone of voice) - นํ้าเสียงไม่ใช่คําพูดแต่เป็นระดับเสียง ซึ่งก็สําคัญมาก เจมส์ บอนด์ พูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างตํ่า ถ้าคุณเป็นคนที่มีเสียงสูงเวลาคุยกับสาวๆ ควรจะลดระดับเสียงให้ตํ่าลงมาซักนิดนึง แล้วสาวๆเค้าจะมองว่าคุณน่าสนใจมากขึ้น นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เพราะเสียงตํ่านั้นมันแสดงออกว่ามีความหนักแน่น ไม่อ่อนแอ และยังแสดงให้เห็นว่า มีความมั่นคง สุขุมอีกด้วย

และเมื่อคุณเอาทั้ง 3 อย่างนี้มารวมกันได้เมื่อไหร่ คุณก็จะมีคาแรกเตอร์ของเจมส์ บอนด์ สาวๆจะมองว่าคุณนี่เป็นคนที่โคตรมั่นใจในตัวเอง และคุณก็จะน่าสนใจเพิ่มขึ้นมาอีก 10 เท่า รับประกันซ่อมฟรีอย่างแรงงงงง!!!

บทที่ 32 สุขุม มั่นคง

สุขุม มั่นคง
ผมอยากจะให้คุณลองจินตนาการดู

วันนึงมีเซลล์ขายเครื่องไฟฟ้าจากบริษัทแห่งหนึ่งมากดกริ่งที่หน้าบ้านคุณ คุณเดินออกไปพบ และเค้าก้อเริ่มที่จะบรรยายสรรพคุณต่างๆของสินค้าที่เค้ามีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ราคา ประสิทธิภาพการใช้งาน รวมไปถึงการบริการหลังการขาย การรับประกัน เค้าพูดจบก็เสนอราคาให้คุณ 2 หมื่นบาท คุณก็ยังลังเลเนื่องจากไม่มั่นใจว่า มันจะดีจริงอย่างที่เค้าพูด คราวนี้ด้วยความที่เค้าอยากจะให้คุณซื้อมาก เค้าก็เลยลดราคาให้ เค้าบอกเหลือ 1หมื่น 5 พัน ก็ได้ คุณก็ยังลังเล เค้าลดราคาอีกบอก 1 หมื่นถ้วน เค้าพยายามลดราคามา ให้คุณพอใจและซื้อไปจากเค้าให้ได้ แต่คุณเริ่มสงสัยแล้วว่ามันจะดีจริงเหรอวะเนี่ย ลดราคา มาเหมือนจะยัดเยียดให้ผมซื้อเลยเว้ย คุณเลยบอกขอไปคิดดูก่อน แล้วคุณก็เดินกลับเข้าบ้านไป

สักพักเซลล์ขายเครื่องไฟฟ้าจากอีกบริษัทมากดกริ่ง คุณเดินออกไปพบอีกเช่นเดิม เค้าพูดข้อดีของสินค้าเหมือนคนแรกแทบทุกอย่างแต่เค้า พูดอย่างสุขุม แน่วแน่และด้วยความมั่นใจ คุณรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เค้าพูดน่าจะเป็นจริง เค้าเสนอราคาให้คุณ คุณบอกว่ามันแพงเกินไปขอลดอีกสักหน่อยได้เปล่า เค้าบอก "เราไม่สามารถลดให้ได้ครับ เนื่องจากว่าสินค้าชิ้นนี้มันเป็นตัวที่ดีจริงๆ ประสิทธิภาพสูง ถ้าคุณซื้อไปคุณจะพอใจกับมันแน่นอน แต่ถ้าคุณไม่ซื้อผมมั่นใจว่า อีกสักพักจะต้องมีคนอื่นมาซื้อไปอย่างแน่นอน และตัวนี้ก็เป็นตัวสุดท้ายแล้วด้วย"

แล้วลองคิดดูว่าถ้าคุณจะเลือกซื้อสินค้าจาก 2 บริษัทนี้ คุณจะเลือกของบริษัทไหนครับ แทบไม่ต้องคิดเลยว่า คุณต้องเลือกบริษัทที่สองแน่นอน!!! เพราะว่าเซลล์ทําให้มันดู มีค่ามากกว่า มันเหมือนเป็นที่ต้องการของตลาด สินค้าของบริษัทที่สองมันอาจจะ ไม่ดีจริงอย่างที่เค้าพูดก็ได้ แต่จากวิธีนําเสนอทําให้มันดูมีค่ามาก

ผิดกับบริษัทแรก คนขายนั้นดิ้นรนที่จะขายมันให้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะดีจริงอย่างที่พูด แต่มันก็ถูกมองว่ามีค่าด้อยกว่า เพราะวิธีเสนอขายมันผิด

การจีบสาวก็เหมือนกับการซื้อขายของ เพียงแต่ว่าคุณเป็นทั้งเซลล์และตัวสินค้าในเวลาเดียวกัน ส่วนคนซื้อก็เป็นสาวๆ

แค่นี้คุณก็รู้แล้วว่าคุณต้องทําตัวแบบไหน

ททที่ 31 มองที่ตาของเธอ


มองที่ตาของเธอ
ผมเคยได้อ่านบทความทางเนทเกี่ยวกับการมองตากันของคนเราว่ามันจะมี ผลเป็นยังไงบ้าง ซึ่งผมอ่านแล้วแปลออกมาคร่าวๆได้ประมาณนี้

เค้าบอกว่าการมองตานั้นจะไปกระตุ้นสมองส่วนในสุดของมนุษย์ เวลาที่คุณมองตา สาวๆ ร่างกายเธอจะหลั่งสาร pea ออกมาทําให้เธอรู้สึกว่ากําลังมีความรัก เราสามารถที่จะทําให้เซ็นส์เธอรู้สึกได้ว่าเธอกับคุณกําลังตกหลุมรักกัน ด้วยการ พยายามมองตาเธอให้มากขึ้นในระหว่างการพูดคุย ควรจะมองประมาณ 75% ของเวลาทั้งหมดที่คุณคุยกัน เพื่อให้สาร pea นั้นไหลเวียนไปทั่วร่างกายเธอ อืมม เทคนิคนี้ดี ผมเลยคิดว่าจะลองนําไปใช้บ้าง

วันนึงตอนที่ผมเดินเล่นรอเข้าเรียนอยู่ที่มหาลัย ผมก็ได้ยินเสียงเรียกจากข้างหลัง
"เธอๆ เดี๋ยวก่อน" ผมหยุดเดินหันหลังกลับไปมอง อ๋อ เธอนั่นเอง เธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่เรียนในห้องวิชาอังกฤษกับผมครับ เราไม่รู้จักกันหรอก
แค่เคยพูดคุยกันบ้างในห้องนิดหน่อย เพราะว่านั่งใกล้ๆกัน "แหม เดินไม่ สนใจใครเลยนะ" ธอบอก ผมรู้ว่าเธอชอบผมครับเพราะจากลักษณะการ
แสดงออกหลายๆอย่างในห้องของเธอ ในห้องเรียนนี่ผมนั่งกับเพื่อนผู้หญิงของผมครับ ซึ่งเพื่อนผมคนนี้ก็สวยใช้ได้เลย นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมเธอให้ความสนใจผมมากตอนอยู่ในห้อง อืมมันเป็น social proof ครับ แล้วก็วันนี้เธอยังมาทักผมก่อนอีก แต่ผมไม่ได้ชอบเธอครับ
ผมก็แค่คิดว่าเธอน่ารักธรรมดา

เราก็คุยกันถึงเรื่องงานที่อาจารย์ให้ทําส่งวันนี้ คุยไปสักพักผมก็บอกว่าผมต้องไปแล้ว จะไปกินข้าว เธอเลยบอกว่าดีเลยไปกินด้วยกันสิ อ้าว! ตายห่_ เข้าทางเธอเลย จะไปคนเดียวซะหน่อย โอเคๆไม่เป็นไรผมคิดในใจ คงดีกว่าไปกินคนเดียว

ก็ไปนั่งทานข้าวกัน กินเสร็จ เธอก็คุยโน่นคุยนี่เรื่อยเปื่อย ตอนแรกผมก็เฉยๆ แต่ว่าในระหว่างที่คุยเนี่ยเธอ มองตาผมบ่อยมากครับ ผมซึ่งเป็นคนที่ไม่หลบตาใครอยู่แล้วก็เลยมองกลับไป คุยไปได้ซักพัก ผมก็เริ่มรู้สึกว่าเธอน่ารักขึ้นมาก รู้สึกเหมือนชอบเธอขึ้นมาครับ ในระหว่างที่คุยนี่เราสองคนแทบจะ ไม่ได้ละสายตาออกจากกันเลย ความรู้สึกผมตอนนั้นแปลกมากเหมือนคุยอยู่กับแฟน ผมไม่รู้หรอก ว่ามันมีผลยังงัยกับเธอแต่ผมเนี่ยเริ่มชอบเธอมากขึ้นแล้ว รู้สึกเหมือนกับว่าเราสองคนเป็นคู่รักกันแล้ว แล้วเธอก็ถามเบอร์ผม ผมให้เธอไปทั้งๆที่ตอนแรกกะจะไม่ยุ่งแล้วเชียว เธอบอกว่าผมคุยสนุกดี วันหลังจะโทรไปคุยด้วย แล้วผมก็แยกจากเธอเนื่องจากต้องไปเรียนอีกวิชา ผมเดินไปก็คิดว่า เธอก้อน่ารักกว่าที่เราคิดนี่หว่า เดินไปคิดไปเรื่อยเปื่อย แล้วผมก็มาคิดถึงบทความที่อ่านในเนท ผมเชื่อเลยว่าการมองตามันมีผลทําให้ รู้สึกว่าชอบคนที่คุยด้วยได้ เอ๊ะ! หรือว่าเธอได้อ่านบทความนั้นเหมือนกัน เฮ้ย!!!!!

ปล.บทความนี้ใช้ได้ทีเดียวลองนำไปใช้ดูนะคับ
แต่อย่าไปมองผู้ชายนะเด๋วโดน Teen เอา


สูตร 4C

Confident (มั่นใจ)-- ความมั่นใจเป็นสิ่งที่สําคัญมาก (ถ้าไม่สําคัญที่สุด) ในการจีบสาว เป็นสิ่งที่สาวๆจะดูเป็นอันดับต้นๆ ในการเลือกคู่ เอาล่ะ! มาดูว่าอะไรคือความมั่นใจกันดีกว่า อย่างแรกความมั่นใจคือความคิด ที่บอกกับตัวเองว่าเราจะทําสิ่งนั้นๆสําเร็จ เรามีความสามารถพอที่จะทําได้ ความมั่นใจจะตรงข้ามกับความกังวล คนที่มั่นใจเป็นคนที่ไม่กังวล ความมั่นใจ ยังหมายถึงการทําสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยที่ไม่ลังเล คนที่มั่นใจไม่มัวแต่มาลังเล ว่าจะทํายังไงดี คนที่มั่นใจเป็นคนที่ทําอะไรโดยเด็ดขาด แน่วแน่ เค้ารู้ว่า กําลังทําอะไรอยู่ คนที่มั่นใจเป็นคนที่มีจุดยืนในชีวิต

Calm (สุขุม) -- ความสุขุมก็เกี่ยวเนื่องกับความมั่นใจ ความสุขุมคือการที่ ไม่มีสิ่งไหนมากระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของคุณได้ไม่ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม ถ้าสถานการณ์ไม่เป็นใจคนที่สุขุมจะไม่วู่วาม โทษโน่นโทษนี่ ตรงกันข้ามเขาจะ ค่อยๆคิด หาวิธีแก้ไปทีละอย่าง มันทําให้คนอื่นดูว่าเค้าเป็นคนที่มั่นใจว่าจะแก้ปัญหาได้ แสดงให้เห็นว่าคุณโตเป็นผู้ใหญ่

Control (ควบคุม) -- การควบคุมหมายถึงการควบคุมตัวเองได้ดี ไม่ปล่อยให้อารมณ์ ความรู้สึกมาควบคุมการกระทําตัวของคุณได้ เค้าปฎิบัติตัวเข้ากับทุกสถานการณ์อย่าง เหมาะสม จะเห็นได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับความสุขุมอย่างมาก เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว ความสุขุม นั้นเป็นด้านความคิด การควบคุมเป็นด้านการกระทํา

Challenging (ท้าทาย) -- ผู้หญิงจะต้องรู้สึกท้าทายที่จะได้เรามาเป็นแฟน ถ้าเธอรู้ อยู่แล้วว่าคุณชอบเธอมากและพร้อมที่จะเป็นแฟนกับเธอทุกเมื่อ ผู้หญิงจะเบื่อเอาได้ง่ายๆ challenging เป็นสิ่งที่ทําได้ยากที่สุดในทั้ง 4 ข้อนี้ สิ่งที่เราสามารถทําได้ก็คือไม่ให้ความ
สนใจเธอมากเกินไป อย่าว่างที่จะเจอเธอเสมอ พยายามมีความเห็นต่างจากเธอบ้าง คุยกับหญิงอื่นบ้างอย่าให้เธอคิดว่าคุณเป็นของตาย วิธีการทําตัวให้ challenging ที่ดีที่สุดคือ การมีแฟนสวยถ้าคุณมีแฟนสวย สาวสวยอีกมากมายจะมองว่าคุณท้าทาย โดยที่คุณยังไม่ต้องทําอะไรเลย


Neg-hit

Neg-hit (negative hit) เป็นเทคนิคที่ดีอีกเทคนิคนึงในการที่จะดึงความสนใจ ของสาวๆมาได้ มันเป็นการสังเกตจุดด้อยของพวกเธอแล้วพูดให้เธอรู้ มันทําให้พวกเธอคิดว่าเรารู้จุดอ่อนของพวกเธอและไม่ได้คิดว่าเธอ perfect เหมือนที่คนอื่นๆคิด การใช้ neg-hit โดยปกติแล้วจะใช้กับสาวที่สวยมากๆ ตั้งแต่ 8-9.99 เต็ม 10 (โลกนี้ไม่มีคนสวยเต็ม10ครับ ) เพราะสาวพวกนี้จะชินอยู่กับคําชมว่าเธอสวยอย่างโน้น เธอสวยอย่างนี้ เธอน่ารักที่สุด อะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อเธอโดน neg-hit เข้าไปเธอจะเสียสมดุล ออกอาการเป๋ได้ อย่างไรก็ตามอย่าหวังว่ามันจะเสกคาถาให้เธอมาชอบคุณในทันที มันเป็นหนึ่งใน ปัจจัยที่จะทําให้เธอชอบเท่านั้น ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้ neg hit กับสาวที่สวยน้อยกว่า 7.5 เต็ม10 เด็ดขาด ถ้าคุณ ใช้กับเธอมันจะไปทําลายความมั่นใจเธอได้ ชีวิตพวกเธออาจจะขมขื่นได้นะครับ เรา เป็น ดอน ฮวน เราไม่ต้องการทําร้ายใครครับ มีข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวที่เราจะใช้ neg-hit กับสาวสวยน้อยกว่า 7.5 คือ ถ้าเรารู้ว่าพวกเธอคิดว่าพวกเธอสวยระดับ 8-9 คือพวกหลง ตัวเองนั่นเอง คิดว่าตัวเองสวยกว่าความเป็นจริง ถ้าเจอพวกนี่ก็ใช้ได้ ไม่เป็นไร

คุณอาจจะสงสัยว่าแล้ว Neg-hit นี่มันจะมีประโยชน์ต่อเรายังไง มีครับ มีประโยชน์แน่นอน Neg-hit นั้น
จะทําให้เกิดผลอยู่หลักๆดังนี้

1.ทําลาย Bitch shield--เธอจะไม่สามารถสร้าง Bitch shield ขึ้นมาได้หรืออย่างน้อย Bitch shield จะลดน้อยลงไปเพราะว่าคุณไม่ได้แสดงออกว่าคุณกําลังจะมาจีบเธออย่างชัดเจน คุณนั้นกําลังบอกข้อด้อยให้เธอ ได้รู้ bitch shield จะสร้างได้ไม่เต็มที่เพราะว่า bitch shield จะมีก็ต่อเมื่อมีคนเข้าไปจีบเธอเท่านั้น

2.คุณควบคุมตัวเองและเธอได้ -- คุณนั้นแสดงออกให้เธอได้เห็นว่า คุณไม่ใช่ nice guy ที่คอยแต่จะตามใจ ชมเธออยู่เรื่อยไป แต่ตรงกันข้ามคุณแสดงให้เห็นว่าคุณรู้จุดอ่อนของเธอ คุณไม่ได้ตื่นตะลึงไปกับความสวยของเธอ เพราะฉะนั้น คุณควบคุมตัวเองได้ดีและมันยังบอกอีกเธอว่าคุณควบคุมเธอได้เพราะคุณรู้จุดอ่อนเธอ

3.เธอสงสัย แปลกใจในตัวคุณ "เอ๊ะ! ผู้ชายคนนี้ไม่เห็นชมชั้นเหมือนคนอื่นๆเลย เค้าเป็นคนยังไงกันแน่ นี่ชั้นไม่สวยพอหรือนี่ เป็นไปไม่ได้!!! ทุกๆคนชอบชั้นนี่ เธอก็ต้องชอบชั้นด้วย มานี่ๆๆๆ พ่อตัวดี"

หึๆๆๆ ผมชอบข้อ 3 ที่สุดเลย

มีข้อควรระวังอีกหนึ่งข้อคือทุกครั้งที่ neg-hit สาวๆ คุณจะต้องคิดว่ามันเป็นข้อด้อยเธอจริงๆ ถ้าคุณคิดว่าตาเธอสวยก็อย่าไป neg-hit ตาเธอ เธอจะรู้ได้ว่าคุณไม่จริงใจ และการ neg hit นั้นคุณต้องทํามัน ด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ถึงแม้ว่าในหัวคุณจะตะโกนว่า "อย่าๆๆๆ อย่าไปพูดกับเธอแบบนั้น เดี๋ยวเธอ จะโกรธได้ เธออาจจะไม่ยอมคุยด้วยก็เป็นได้ ไม่ๆๆ" ถ้าสมองคุณตะโกนออกมาอย่างนี้คุณต้องสั่งให้มันหุบปากโดยด่วนเพราะการ neg-hit อย่างลังเลจะไม่ได้ผล

ตัวอย่าง

-ทําไม(ชื่อเธอ)แต่งหน้าเข้มอย่างนี้ล่ะ การแต่งหน้านี่ควรจะทําเพื่อให้ ความสวยมันเด่นออกมานะ ไม่ใช่ซ่อนมันไว้
-(ชื่อเธอ)น่าจะ ซอยผมสั้น/ไว้ยาว กว่านี้นะ มันจะเข้ากับหน้า(ชื่อเธอ)ดีกว่า
-มือ (ชื่อเธอ)ใหญ่พอๆกับมือผู้ชายเลยนะ
-รู้ตัวเปล่าว่า (ชื่อเธอ) มีหนวดด้วย ตลกมากเลย 55 ผู้หญิงมีหนวด
-จมูก (ชื่อเธอ)นี่เล็กกว่าคนปกตินะเนี่ย
-นิ้ว(ชื่อเธอ) เนี่ย สั้น/ยาวจังนะผู้ชายส่วนใหญ่ชอบสาวนิ้ว (ตรงข้ามกับที่เธอมี) สังเกตมั้ยว่าคุณไม่ได้บอกว่าคุณชอบแบบไหน มันจะทําให้เธออยากรู้ว่าคุณชอบ แบบไหน 55 ทุกครั้งที่เธออยากรู้เรื่องของคุณเป็นสิ่งที่ดี
-รู้มั้ยว่าการที่เธอไป(การกระทําอะไรที่เธอทําแล้วคุณเห็นว่าเป็นข้อบกพร่อง) อย่างนั้น มันไม่ดี รู้มั้ยว่ามันเสียมารยาท


การ neg-hit นั้นไม่ใช่การด่าเธอ มันไม่ใช่ว่าเราไปบอกว่า "เธอมันแรดจริงๆ" อะไรแบบนั้น เราแค่บอกจุดบกพร่องให้เธอได้รู้เท่านั้นเอง
net-hit มันได้ผลเพราะว่ามันดึงเธอลงมาอยู่ระดับเดียวกับคุณ ทําให้ bitchshield มันหายไป คุณแสดงออกถึงว่าคุณสามารถควบคุมเธอได้ ความสวยเธอไม่ได้ทําให้คุณประทับใจเลย หรือถ้าจะพูดสั้นๆก็คือ คุณ ทําตัวตรงกันข้ามกับผู้ชาย 99% ที่มาคุยกับเธอนั่นเอง

บบที่ 30 สัญญาณว่าเธอสนใจ



สัญญาณว่าเธอสนใจ :

การดูว่าเธอสนใจหรือไม่ สามารถทําได้ง่ายๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เราจะดูจากภาษาทางกายเป็นสําคัญ ภาษากายนั้นบอกถึงความรู้สึกที่แท้จริง
ได้ดีกว่าภาษาพูดมากมายนัก แต่การดูภาษาทางกายนั้นก็มีข้อเสียคือมันไม่ จริงเสมอไป บางคนอาจจะแสดงออกมาในขณะที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้
ฉะนั้นจึงอย่าถือว่าเป็นจริง 100% เมื่อเธอแสดงออกมา แต่การที่รู้ เอาไว้ก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเราเอง
1.ยิ้มให้คุณบ่อยๆ
2.หัวเราะกับมุขตลกคุณ ทั้งๆที่คุณคิดว่ามันไม่ขําเลยสักนิด
3.มองตาคุณเป็นระยะๆ
4.ม่านตาเธอขยายเวลาเห็นคุณ
5.สัมผัสคุณบ้าง เช่น แตะไหล่เวลาพูดกับคุณ
6.หวีผมหรือสะบัดผมบ่อยๆระหว่างที่คุยกัน
7.ไม่นั่งเอามือกอดอก
8.ไม่นั่งไข้วขาเหมือนกําลังป้องกันตัวเองอยู่
9.ดูเหมือนอิจฉาเมื่อคุณคุยกับสาวอื่น
10.ถามเรื่องเกี่ยวกับตัวคุณเยอะ
11.พยายามทําซี้กับเพื่อนคุณ
12 นั่งหรือยืนในลักษณะที่หันหน้าเข้าหาคุณ
13.นั่งหรือยืนโน้มมาทางคุณ
14.ในขณะที่คุยเธอพยายามไม่ให้การคุยขาดช่วง
15.ไม่เกร็งหรือถอยเมื่อคุณเข้าใกล้หรือสัมผัสเธอ
16.เขินหรือก้มหน้าเวลาคุณชมเธอ
17.กระพริบตาบ่อยๆเวลามองคุณ
18.พูดในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมชาติของเธอ